เรื่องย่อ
ขบวนแห่ “คืนวันเข้าพรรษาขบวนแห่เจ้านางจะปรากฏเหล่าทาสไร้หัวแบกเสลี่ยงเดินวนรอบหอนาฬิกาจนจะมีใครมาบนบาน” เมื่อก้อย (อิษยา ฮอสุวรรณ) กำลังนอยด์ที่ต้องมาเป็นคู่แข่งแย่งชิงทุนการศึกษาที่เหลือแค่เพียงทุนเดียวกับฮ่องเต้ (ชาติชาย ชินศรี) เพื่อนสนิทที่ก้อยแอบคิดเกินเพื่อน ฮ่องเต้จึงชวนก้อยไปไหว้ขอพร ศาลเจ้านาง อันศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกเล่าขานกันว่ายินดีประทานพรแห่งความสมหวังให้กับคู่รัก แต่หากไม่ใช่คู่รักกันจริงพรที่ขอนั้นจะต้องแลกด้วยความตาย ฮ่องเต้ผู้ไม่เชื่อเรื่องลี้ลับทำไปเพียงเพื่อหวังให้ก้อยสบายใจเท่านั้น โดยหารู้ไม่ว่าวิญญาณเจ้านางผู้มาพร้อมกับ ขบวนแห่ไร้หัว กำลังตั้งขบวนแห่งความอาฆาตแค้นคืบคลานเข้าหาทั้งคู่เพื่อหมายเอาชีวิตโดยไม่มีทางหนีพ้น
พี่เทค “นายศรีพี่เทคปีนั้นเฟรซซี่คนนึงได้รับของจากพีเทคไม่ได้ขาด…ถามไปถามไปไม่ใครจับได้ชื่อน้องคนนั้นเลย…” กิจกรรมจับคู่ พี่เทคและน้องเทค ล้วนสร้างความสนุกสนานตื่นเต้นให้กับเหล่ารุ่นพี่รุ่นน้องในคณะ จะยกเว้นก็แต่เอิร์ธ (พิสิฐพล เอกพงศ์พิสิฐ) หนุ่มรุ่นพี่ที่ไม่อินกับกิจกรรมนี้เลยสักนิดเดียว เขาจึงตั้งใจละเลยซัน (อวัช รัตนปิณฑะ) รุ่นน้องที่เขาจับชื่อได้ แต่แล้วการปรากฏตัวของ รุ่นพี่ลึกลับ ซึ่งไม่มีใครรู้จักที่เข้ามาสวมรอยเป็นพี่เทคของซันก็ทำให้เอิร์ธอยู่เฉยไม่ได้ เขาจึงต้องลงมือสืบหาความจริงว่า พี่เทค คนนี้คือใครกันแน่!
ศาลล่องหน “บางคนเห็นเป็นศาสปูน บางคนเห็นเป็นศาลไม้บางคนยกมือไหว้ แล้วคุณเห็นอะไร ?” เดิมที ศาลล่องหน คือตำนานที่เล่าขานกันว่าคุณจะมองเห็นหรือไม่เห็นศาลแค่นั้น ไม่ได้มีเหตุการณ์สยองขวัญใด ๆ มากไปกว่านี้ ซึ่งในแง่หนึ่งก็ถือเป็นความยากว่าควรจะต่อยอดเรื่องราวไปในทิศทางไหน แต่ในอีกแง่หนึ่งมันก็เปิดกว้างและให้อิสระในการตีความว่าจะตีความศาลล่องหน ออกมาอย่างไรขึ้นกับมุงมองและความคิดของเรา
เกจิ คนฆ่าผี แก้ว หมอผีฝึกหัด รับจ้างไล่ผี ทำพิธีไสยเวทย์โดยไม่เกี่ยงงาน ทั้งไสยขาวและดำ หวังสร้างรายได้เพื่อมาสู่ขอสร้อย แต่ความจนของแก้วทำให้แม่ของสร้อยยกสร้อยให้แต่งงานกับอิน เพื่อนสนิทของแก้ว อินขอให้แก้วช่วยทำบางสิ่งก่อนที่แก้วจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยทิ้งสร้อยให้ตกเป็นภรรยาของอิน เวลาผ่านไป สร้อยมาหาแก้วในกรุงเทพฯ พร้อมแจ้งข่าวการตายของอิน แก้วรับสร้อยที่ท้องแก่มาอยู่ด้วยกัน ความรักของทั้งสองคนเริ่มกลับมาก่อตัวขึ้นและพร้อมกลับมาทำลายทุกคนที่เกี่ยวข้องในเงามืดของอาณาจักรที่ไม่มีตัวตนแล้วก็โลกมนุษย์ มีบุคคลปัญหา นักล่าวิญญาณอยู่ ดูหนังออนไลน์ ด้วยวิชาความรู้ที่ตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น และก็ใช้ประดิษฐกรรมโบราณที่เต็มไปด้วยพลังลึกลับ เริ่มเดินทางเพื่อค้นหาความลับของสิ่งเหนือธรรมชาติรวมทั้งป้องกันมนุษยชาติจากพลังที่ไม่เห็นซึ่งรุกรามการดำรงชีพของมันเกจิเกิดขึ้นมาในสายโลหิตของหมอปราบผีแล้วก็นักเวทย์มนต์ โดยตกทอดความสามารถพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ โน่นเป็นความรู้ความเข้าใจสำหรับในการรับทราบแล้วก็ติดต่อกับวิญญาณ ตั้งแต่อายุยังน้อย ได้รับการฝึกหัดประเด็นการตามล่าวิญญาณ ทำความเข้าใจพิธีการโบราณ และก็ชำนาญการใช้งานเครื่องรางและก็ของขลังอันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อ โตขึ้น การขอร้องให้บรรลุหน้าที่ของ Spirit Hunter ก็ไม่บางทีอาจไม่ยอมรับได้ โดยเริ่มการเดินทางที่จะพาพวกเขาผ่านขอบเขตของโลกที่รู้จัก และก็ไปสู่อาณาจักรที่ดวงตามนุษย์ไม่เห็นการเสี่ยงภัยของ ในฐานะนักล่าวิญญาณนั้นเต็มไปด้วยความเร้นลับรวมทั้งอันตราย เมื่อพวกเขาเจอหน้ากับวิญญาณอันทราม ผีอาฆาตแค้น รวมทั้งสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกที่พากเพียรสร้างความย่อยยับให้กับสิ่งมีชีวิต ด้วยเพียงแต่เชาวน์ ความกล้าหาญชาญชัย และก็คลังแสงสรรพวุธของเครื่องมือลึกลับ ท่องไปใน ตำแหน่งที่ตั้งที่คิดคดและก็เจาะลึกเข้าไปในซากโบราณเพื่อค้นหาความเป็นจริงเบื้องหน้าเบื้องหลังเรื่องราวเหนือธรรมชาติแต่ละครั้งหนึ่งสำหรับเพื่อการหาผลประโยชน์ที่โจษจันที่สุดของ เกี่ยวกับการพิสูจน์หมู่บ้านผีสิงที่ถูกก่อกวนโดยสิ่งเลวร้ายที่รู้จักกันในชื่อ Shadow Walker ตอนที่ความหวาดกลัวครอบครองราษฎรรวมทั้งเสียงกระซิบบอกที่ลางบอกเหตุที่แพร่ระบาดอย่างกับไฟป่า ก็มาถึงเพื่อเจอหน้ากับพลังอันอำมหิตที่รุกรามผีคนบริสุทธิ์ที่ติดอยู่ในมือของมัน ด้วยการเผชิญหน้าอันน่าหวาดกลัวแล้วก็การต่อสู้ที่เต็มไปด้วยอันตราย ศึกษาค้นพบประวัติศาสตร์อันน่าสงสารของ Shadow Walker รวมทั้งเปิดเผยความ
ลับดำสนิทที่ผูกมัดมันไว้กับอาณาจักรมนุษย์ ด้วยวิธีการอันหลักแหลมจริงๆรวมทั้งความเอาจริงเอาจังอย่างมั่นคง ขับไล่บุคคลนั้นกลับไปสู่ส่วนลึกของโลกที่วิญญาณ รวมทั้งนำความสงบสุขมาสู่หมู่บ้านอีกรอบแต่ว่าการเดินทางของเกจิยังอีกยาวไกล เหตุเพราะความเร้นลับรวมทั้งอันตรายใหม่ๆเกิดขึ้นในทุกๆวันที่ผ่านไป จากป่าผีสิงที่เต็มไปด้วยวิญญาณที่เร่าร้อนใจไปจนกระทั่งป่าช้าโบราณที่ได้รับการคุ้มครองโดยผู้รักษาเหนือธรรมชาติ ภารกิจของ สำหรับในการเผยเรื่องจริงได้นำพวกเขาไปสู่อาณาจักรที่ลึกลงไปกว่าเดิมซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ทราบ กลางทาง สร้างผู้สนับสนุนกับเพื่อนพ้องผู้เสาะหาสิ่งเหนือธรรมชาติขัดเกลามิตรภาพรวมทั้งความสนิทสนมกันเมื่อพบเจอกับความตรากตรำแต่ทว่าท่ามกลางความมืดดำแล้วก็ความระส่ำระสายของโลกวิญญาณ เกจิยังศึกษาและทำการค้นพบระยะเวลาที่ความสวยสดงดงามแล้วก็ความพิศวงอันลึกซึ้งอีกด้วย ในวัดและก็สวนศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกลืม พวกเขาได้เจอกับวิญญาณผู้มีเมตตารวมทั้งผู้รักษาโบราณที่รอให้คำปรึกษาแล้วก็เชาวน์ในภารกิจของพวกเขา ผ่านการเผชิญหน้าพวกนี้ ได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความสัมพันธ์กันของทุกอย่างรวมทั้งความสมดุลอันประณีตบรรจงและละเอียดลออระหว่างอาณาจักรมนุษย์แล้วก็โลกที่วิญญาณ ในฐานะนักล่าวิญญาณ การเดินทางของเกจิเป็นข้อยืนยันถึงพลังอันจีรังยั่งยืนของความเด็ดเดี่ยว ความเข้าใจ รวมทั้งความหมั่นเพียรเมื่อพบเจอกับสิ่งที่ไม่ทราบ ด้วยชัยเหนือพลังที่ความมืดดำแต่ละครั้ง จะนำแสงไฟและก็ความคาดหวังมาสู่โลกที่ถูกล้อมด้วยเงามืด เป็นแรงดลใจให้คนอื่นๆประจันหน้ากับความหวาดกลัวของพวกเขารวมทั้งเห็นด้วยความเร้นลับที่อยู่นอกจากม่านที่ข้อเท็จจริง และก็ตราบเท่าที่ยังมีวิญญาณที่ปรารถนาข้อเสนอรวมทั้งการคุ้มครองป้องกัน จะยังคงยืนหยัดเป็นแสงไฟที่ความมุ่งหวังในผืนผ้าเหนือธรรมชาติที่เปลี่ยนตลอดระยะเวลา เกจิ คนฆ่าผี เต็มเรื่อง
กลับมาตาม “สัญญา” ของภาพยนตร์ฮาสยองขวัญใจมหาชน หลังจากผ่านพ้นศึกล้างคำสาปแห่งปฐมบทพี่นาค โทมินจุน (มีน พีรวิชญ์) เซเลบลูกครึ่งไทย-เกาหลี ได้มีโอกาส กลับมาบ้านเกิดในวัยเยาว์ เพื่อช่วยบูรณะโบสถ์เก่าแก่ของวัดประจำชุมชน โดยไม่ลืมควงแขน บอลลูน (เอม วิทวัส) กับ เฟิร์ส (เจมส์ ภูริพรรธน์) ที่ได้รับการอวยยศเป็นผู้จัดการส่วนตัวคุณโทก็มาที่นี่ด้วยเช่นกัน แค่ก้าวแรกที่เดินเข้ามา สัญญาณแห่งความอาฆาตจากผีพี่นาคภายใต้หน้ากากสยอง ก็พุ่งเป้ามาที่คุณโทอย่างจัง คำสัญญาและความเกลียดชังกำลังก่อตัวขึ้นจากความทรงจำในอดีตที่ถูกลืมเลือน ขณะที่คุณโทโดนตามจองล้างจองผลาญอยู่นั้น ก็ได้เจอ น็อต (ต้า อธิวัตน์) อดีตเณรเทพแกดเจ็ต แพรรี่ (นนท์ อินทนนท์) แม่ครัวปากแจ๋ว และ โบนัส (มินตัน ดิ๊งด่อง)เครื่องด่าแห่งหมู่บ้าน จะมาร่วมรับแรงกระแทกแห่งชะตากรรมที่หนีให้พ้นยังไงก่อนภายใต้หน้ากากสยอง… ผีพี่นาคตนนี้คือใคร? บาปและกรรมหนักแค่ไหนถึงอยากให้ตายตกไปตามกัน? นี่คือจุดเริ่มต้นของตำนานพี่นาคอีกบท พร้อมจะมาบดขยี้มิตรภาพ อาละวาดมันทุกภพชาติ กระหน่ำความฮาให้ป่าช้ากระเจิง!หนัง พี่นาค 4 เต็มเรื่อง โทมินจุน เซเลปหนุ่มไทย-เกาหลีที่กำลังดาวงานรุ่งพุ่งแรงสุด ๆ โดยที่ได้ บอลลูน กับ เฟิร์ส มารับหน้าที่เป็นผู้ช่วยจัดการดูแลคิวงานต่าง ๆ ให้ กระทั่งเขาบังเอิญไปพบเห็นชายหนุ่มลึกลับที่มีนัยตาสีฟ้าปรากฏตัวขึ้น คล้ายกับกำลังจะตามทวงสัญญาอะไรบางอย่าง โดยที่เขาก็จำไม่ได้เช่นกันว่าเคยไปสัญญาอะไรกับใครไว้ และเป็นเหตุการณ์ในชาตินี้หรือชาติไหนทำให้ โทมินจุน กับเพื่อน ๆ ต้องเผชิญหน้ากับการถูกคุมคามของผีพี่นาคตนใหม่อีกหน ที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาตพยาบาทแบบคูณสี่ พวกเขาจึงต้องร่วมหัวลงแรงกันตามสืบหาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จะแก้ไขอาถรรพ์ที่โยงใยพัวพันดั่งบ่วงแห่งลิขิตที่ไม่จบสิ้น กับเวลาที่น้อยลง ๆ ทุกที ก่อนที่สถานการณ์ต่าง ๆ จะยิ่งย้ำแย่ลงไปกว่านี้
พ.ศ. 2515 เกิดเหตุเด็กสาวในหมู่บ้านห่างไกลในจังหวัดกาญจนบุรีเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา เมื่อได้ยินเสียงชวนขนหัวลุก “ธี่หยด… ธี่หยด…” ในยามราตรี หลังจากยักษ์ปลดประจำการเขาได้รับโทรเลขด่วนจากประพันธ์ นายทหารที่สนิทผู้ซึ่งได้รับคำสั่งจาก บุญเย็น ผู้เป็นมารดาว่าให้รีบกลับมาบ้าน หลังจากที่มีข่าวเด็กสาวตายอย่างน่าสยดสยองแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว หยาดสัมผัสได้ถึงภัยเร้นลับที่คืบคลานเข้ามาในหมู่บ้าน และแย้มน้องสาวของเธอเริ่มมีอาการแปลก ๆ หลังจากเจอหญิงชุดดำลึกลับระหว่างกลับจากโรงเรียน อาการของแย้มทรุดลงเรื่อย ๆ พร้อมท่าทีประหลาดอย่างหาคำตอบไม่ได้ ทุกคืนแย้มจะตื่นขึ้นและหันมามองยี่ หยาดพยายามจับผิดแย้มว่าเป็นอะไร แต่ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงธี่หยดหยาดก็จะสลบลงไปและไม่รู้สึกอะไรเลยจนถึงเช้ายักษ์ ยศ และยอด พี่ชายทั้งสามคนเริ่มสังเกตเห็นถึงอาการผิดปกติของแย้ม และพยายามจะร่วมจับผิดด้วย คืนหนึ่งยักษ์ตัดสินใจนั่งเฝ้าทั้งคืนจนได้เริ่มได้ยินเสียงธี่หยด ยักษ์กำลังจะสลบลงแต่เขาเอามือไปอิงไฟให้รู้สึกตื่น ทันใดนั้นยักษ์จึงหยิบปืนไล่ยิงผีไปทั่วไร่ ทุกคนตกใจกับปฏิกิริยาของยักษ์ และมุ่งหาคำตอบว่าแย้มหายไปไหน จนกระทั่งยศและยอดเจอแย้มนอนสลบอยู่ใกล้กอไผ่ ทั้งสองจึงรีบนำแย้มกลับมาบ้านพร้อมกับให้นอนพักรักษาตัว วันต่อมาประพันธ์นำหมอผีเข้ามาที่บ้าน หมอผีที่เห็นอาการของแย้มก็รู้ได้ทันทีว่าผีที่เข้าสิงแย้มเป็นผีที่เล่นกับจิตใจคน และมันตั้งใจยึดร่างของแย้มเพราะเป็นร่างที่มีพลังทิพย์สูง หรือก็คือร่างที่เจ้าของร่างเคยเกือบเสียชีวิตมาแล้วแต่รอดฟื้นกลับมาได้ บุญเย็นจึงรู้ทันทีว่าที่แย้มตกเป็นเป้าหมาย เพราะตอนเด็กแย้มเคยเป็นไข้มาลาเรียและเกือบเอาชีวิตไม่รอด หมอผีจึงไล่หาต้นตอของเหม็นในบ้านจนไปเจอเข้ากับกอไผ่ที่เฮียฮั่งผู้เป็นบิดารักมาก หมอผีสั่งให้โค่นกอไผ่ทิ้งและก็ได้พบกับของเหม็นที่ผีได้มาคายทิ้งไว้
หมอผีจึงสั่งให้ยักษ์เผาของพวกนี้ทั้งหมด เมื่อสิ้นฤทธิ์ไฟ แย้มจึงสลบลงแต่ยังอยู่ในอาการโคม่า หมอผีจึงได้สั่งให้รีบพาตัวแย้มไปยังโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด แต่คนขับรถต้องเป็นคนจิตแข็ง ยักษ์จึงต้องรับหน้าที่ขับรถพาแย้มไปส่งโรงพยาบาลให้ไวที่สุด ก่อนที่ผีจะตามมาทวงร่างแย้มคืนระหว่างทางแย้มกลับถูกผีชุดดำสิงเข้าอีกครั้ง คราวนี้ผีชุดดำร่ายมนต์ตั้งใจให้ยักษ์หลับในเพื่อที่จะได้ขับรถชนจนเสียหลัก ผีชุดดำจึงเผยว่าใจจริงเธอไม่ได้ตั้งใจเอาร่างแย้ม แต่ตั้งใจเอาร่างน้องคนเล็กซึ่งก็คือยี่มากกว่า แต่เพราะเล่นกับแย้มแล้วสนุก มันจึงเลือกที่จะยึดร่างแย้มไปเป็นตัวตายตัวแทนของยายช่วยแทนยี่ ยักษ์เห็นท่าไม่ดีเลยตัดสินใจเอามีดแทงแขนแย้มให้เลือดออก พริบตาที่มีดแทงลงที่แขนของแย้ม ผีชุดดำก็ร้องให้อย่างบ้าคลั่งก่อนหลุดออกจากร่างแย้ม บัดนี้ผีชุดดำไม่สามารถยึดร่างแย้มได้อีกต่อไป เพราะร่างแย้มสิ้นซึ่งพลังทิพย์แล้ว ยักษ์จึงได้โอกาส เอาปืนที่ใส่กระสุนอาคมยิงใส่ผีชุดดำจนสลายไป ยักษ์พาแย้มมาส่งที่โรงพยาบาลได้สำเร็จ อาการของแย้มดีขึ้นตามลำดับ ครอบครัวดีใจที่ได้แย้มคนเดิมกลับมา และหวังว่าเรื่องร้ายๆ ทั้งหมดจะจบลง แต่แล้วในคืนวันที่หมอกำลังจะให้แย้มออกจากโรงพยาบาล หยาดกลับได้ยินเสียงธี่หยดขึ้นมาอีกครั้ง แย้มลุกขึ้นนั่ง พร้อมถอนฟันฝากหยาดไว้หนึ่งซี่ และบอกว่าบัดนี้หมดเวลาของเธอแล้ว หยาดตกใจเล็กน้อยกับคำพูดของแย้ม เพราะนั่นทำให้เธอรู้ทันทีว่าที่นั่งอยู่ข้างหน้าคือผีชุดดำที่กำลังมาบอกลาหยาด สิ้นคำพูดแย้มก็ล้มลงและชักดิ้นชักงอก่อนเสียชีวิตไปในที่สุดหลังงานศพของแย้มจบลง ยักษ์เดินทางกลับไปยังจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง เขาใช้ขวานที่เตรียมมาด้วย ฟาดลงไปที่ศาลเพียงตาแบบไม่มีการลังเล และจุดไฟเผาไปพร้อมกัน ยักษ์ได้แต่หวังแค่ว่า ผีชุดดำจะหายไปกับสิ่งที่เขาทำตอนนี้ ถ้าไม่เช่นนั้น เขาต้องเป็นฝ่ายไล่ล่าผีนั่นจนกว่าจะตายไปข้างหนึ่ง
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อครอบครัวหนึ่งต้องย้ายไปอาศัยในจังหวัดนราธิวาส เนื่องจากหน้าที่การงาน แต่แล้วพวกเขากลับต้องเผชิญกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ เมื่อพวกเขาเข้าไปพัวพันกับพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ที่เรียกว่า “ของแขก” โดยไม่ตั้งใจ ความเร้นลับ การหลอกลวงจากปิศาจจอมโกหก และภยันอันตรายต่าง ๆ ที่ครอบครัวนี้ต้องเผชิญ พวกเขาต้องต่อสู้กับสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็น และพยายามหาทางหลุดพ้นจากมนต์ดำที่คุกคามชีวิตพวกเขา
ผู้กำกับ
- Haunted University 3 (2024) เทอม 3 ผู้กำกับ นนทวัฒน์ นำเบญจพล ,อัศฏา ลิขิตบุญมา ,สรวิชญ์ เมืองแก้ว ,อรุณกร พิค
- Geji The Spirit Hunter (2024) เกจิ คนฆ่าผี ผู้กำกับ เมษ ยิ้มสมบูรณ์
- Pee Nak 4 (2024) พี่นาค 4 ผู้กำกับ ไมค์ ภณธฤต โชติกฤษฎาโสภณ
- Death Whisperer (2023) ธี่หยด ผู้กำกับ ทวีวัฒน์ วันทา
- The Djinn s Curse (2023) ของแขก ผู้กำกับ เกรียงไกร มนวิจิตร
บริษัทค่ายหนัง
- Haunted University 3 (2024) เทอม 3 บริษัทค่ายหนัง สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
- Geji The Spirit Hunter (2024) เกจิ คนฆ่าผี
- Pee Nak 4 (2024) พี่นาค 4 บริษัทค่ายหนัง ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น จำกัด
- Death Whisperer (2023) ธี่หยด บริษัทค่ายหนัง เมเจอร์ จอยน์ ฟิล์ม และ บีอีซีเวิลด์ โดย บีอีซีเวิลด์ และ เอ็ม สตูดิโอ
- The Djinn s Curse (2023) ของแขก บริษัทค่ายหนัง เอ็ม-39มนวิจิตรบันเทิง
นักแสดง
Haunted University 3 (2024) เทอม 3
- จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล
- อิษยา ฮอสุวรรณ
- ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัคน์
- ชาติชาย ชินศรี
Geji The Spirit Hunter (2024) เกจิ คนฆ่าผี
- ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย อิ่มอโนทัย
- เดียร์ สุภาวดี กิติโสภากุล
- โจอี้ ชัยยุทธ กิติชัยวัฒน์
Pee Nak 4 (2024) พี่นาค 4
- อธิวัตน์ แสงเทียน
- พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร
- วิทวัส รัตนบุญบารมี
- รัฐวิทย์ กิจวรลักษณ์
- ภูริพรรธน์ เวชวงศาเตชาวัชร์
- ปัณณวิชญ์ พัฒนศิริ
- ปัณณวิชญ์ จิรวัฒน์ธนัทกุล
Death Whisperer (2023) ธี่หยด
- ณเดชน์ คูกิมิยะ
- เดนิส เจลีลชา คัปปุน
- รัตนวดี วงศ์ทอง
- กาจบัณฑิต ใจดี
- พีระกฤตย์ พชรบุณยเกียรติ
- ณัฐชา นีน่า เจสซิกา พาโดวัน
- อริศรา วงษ์ชาลี
- ปรเมศร์ น้อยอ่ำ
The Djinn s Curse (2023) ของแขก
- อัครา อมาตยกุล
- อามีนา พินิต
- มาริกา เป้เกียรติชล
โปสเตอร์หนัง





รีวิว Haunted University 3 (2024) เทอม 3
⭐ Filmment0
🤩 คะแนน: 6/10 ดาว
เรื่องราวของ 3 ตำนานความสยองขวัญในรั้วมหาวิทยาลัย เรื่องแรกคือ “ขบวนแห่” อันว่าด้วยนักศึกษา 2 คนที่ต้องเจอกับเรื่องลี้ลับเมื่อพวกเขาเลือกจะโกหกศาลเจ้านางอันศักดิ์สิทธิ์ เรื่องที่ 2 คือ “พี่เทค” เมื่อนักศึกษาคนหนึ่งซึ่งไม่เชื่อในวัฒนธรรมการจับพี่เทค-น้องเทค จึงทำให้เขาเจอกับอาถรรพ์บางอย่างที่หาคำอธิบายไม่ได้ และเรื่องสุดท้ายคือ “ศาลล่องหน” ว่าด้วยเรื่องของกลุ่มวัยรุ่นรักสนุกที่ไปหยิบพวงมาลัยจากศาลแห่งหนึ่งมาคล้องคอ ทำให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายจากศาลแห่งนั้น#ความเห็นเรียกได้ว่าเป็นธรรมเนียมไปแล้วครับสำหรับการมาของภาพยนตร์สยองขวัญซึ่งแบ่งออกเป็นภาพยนตร์สั้นหลายๆ เรื่องรวมกัน เท่าที่นึกออกเร็วๆ ก็คือภาพยนตร์ภาคที่แล้วเรื่อง เทอมสอง สยองขวัญ ก่อนที่ความน่ากลัวภายในรั้วมหา’ลัยจะถูกต่อยอดออกมาเป็นภาพยนตร์เรื่องเทอม 3 นั่นเองครับ โดยในภาคนี้ภาพยนตร์จะนำเสนอเรื่องราวของตัวเองภายใต้คอนเซปต์ของพิธีกรรมครับ ไล่มาตั้งแต่ การบนบานศาลกล่าวในภาพยนตร์เรื่อง ขบวนแห่, การบายศรีสู่ขวัญในภาพยนตร์เรื่อง พี่เทค และการขอขมาลาโทษในภาพยนตร์เรื่อง ศาลล่องหน ครับ โดยแม้ว่าทั้ง 3 เรื่องจะขึ้นชื่อว่าเป็นภาพยนตร์สยองขวัญ แต่ในเชิงของรายละเอียดแล้ว ทั้ง 3 เรื่องต่างก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และมอบอารมณ์ที่หลากหลายให้กับผู้ชมครับว่ากันที่เรื่องแรกอย่าง ขบวนแห่ ก่อนนะครับ โดยส่วนตัวแล้วหากเปรียบเทียบกับอีก 2 เรื่อง ขบวนแห่ เป็นภาพยนตร์ที่ผมชอบน้อยที่สุด เนื่องจากมันเป็นภาพยนตร์สยองขวัญสูตรสำเร็จที่ผู้ชมเคยเห็นกันมาหลายครั้งแล้ว โดยมีจุดขายอยู่ที่ความโหดและการฉายภาพของความรุนแรง หากแต่มันกลับเป็นความโหดที่ไม่สามารถสร้างบรรยากาศของความสยองขวัญได้มากมายนัก เพราะทุกหยดเลือดในภาพยนตร์นั้นถูกใช้งานอย่างโฉ่งฉ่างจะแจ้ง ชัดเจนตั้งแต่ฉากเปิดของเรื่องเลยครับ ดังนั้นเมื่อภาพยนตร์ดำเนินมาถึงช่วงที่ต้องสร้างความระทึกขวัญในช่วงท้าย มันจึงกลายเป็นการฉายภาพซ้ำกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงต้นเรื่อง จนไม่สามารถสร้างภาพจำให้กับผู้ชมได้สำเร็จ ส่วนที่ผมชอบมากที่สุดจากภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือความสัมพันธ์ของตัวละคร
ซึ่งถูกเขียนให้ติดหล่มอยู่กับความเป็นเพื่อนสนิทที่ไม่สามารถก้าวข้ามฐานะนั้นได้ และเมื่อมองจากประเด็นที่ภาพยนตร์ต้องการจะบอกเล่า อันว่าด้วยความรักนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถบังคับหรือแกล้งทำได้ ก็ยิ่งทำให้เส้นความสัมพันธ์ของตัวละครนั้นกลายเป็นกำแพงที่ปิดกั้นทั้งคู่เอาไว้ เช่นเดียวกับการบนบานศาลกล่าว ซึ่งในมุมหนึ่งก็คือการให้คำมั่นสัญญากับใครสักคน และผลลัพธ์ของการผิดสัญญานั้นมักจะเลวร้ายเสมอ อย่างไรก็ตามภาพยนตร์ยังมีแผลให้เห็นอยู่บ้าง หลายต่อหลายอย่างของภาพยนตร์ถูกเล่าอย่างรวบรัด และขาดเหตุผลที่จะโน้มน้าวความเชื่อของผู้ชมครับภาพยนตร์เรื่องที่ 2 อย่าง พี่เทค เป็นภาพยนตร์ที่ผมชอบมากที่สุดจากทั้ง 3 เรื่องครับ เนื่องจากภาพยนตร์แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความกล้าหาญและความทะเยอทะยานในการนำเสนอ ว่าด้วยวัฒนธรรมการดูแลรุ่นน้องปีหนึ่งของพี่เทค ซึ่งก้าวเข้ามามีบทบาทแทนการรับน้องด้วยระบบโซตัส หากแต่ช่วงเวลาที่ภาพยนตร์นำเสนอนั้นยังเป็นช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกันระหว่างวัฒนธรรมเก่าและวัฒนธรรมใหม่ จึงทำให้ในแนวคิดที่ดีอย่างระบบพี่เทคนั้นยังคงเหลือเชื้อของการบังคับขู่เข็ญ และอาศัยเสียงของคนส่วนมากในการกดทับผู้ที่มีแนวความคิดแตกต่างจากวัฒนธรรมอยู่ด้วย แน่นอนว่าช่วงเวลาและสถานการณ์ที่ภาพยนตร์เลือกก้าวเท้าเข้าไปสำรวจนั้นสามารถเทียบเคียงกับบริบททางการเมืองได้อย่างมีนัยครับ ในแง่ของความสยองขวัญนั้นภาพยนตร์ทำได้อย่างน่าชื่นชมในช่วงต้น กับการควบคุมบรรยากาศอันวังเวงของมหาวิทยาลัย และการเลือกใช้ความขัดแย้งระหว่างตัวละครมาเป็นแรงขับเคลื่อน ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการปะทะกันของความเชื่อที่สุดโต่งทั้ง 2 ด้านนั้นน่าหวาดผวาไม่แพ้อาถรรพ์ของพี่เทคปริศนาในเรื่องเลยครับ ก่อนที่ในช่วงครึ่งหลังภาพยนตร์จะหยิบการบายศรีสู่ขวัญมาดัดแปลงและผสมผสานเข้ากับความเป็นภาพยนตร์ลัทธิและการประกอบพิธีกรรมอันชวนสยองขวัญ จนเตลิดเปิดเปิงกลายเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นแฟนตาซีในช่วงไคลแมกซ์ และเมื่อภาพยนตร์เดินหน้าเข้าสู่ช่วงเวลาเหล่านั้นมันก็ผลักผมออกจากเรื่องราวทันทีครับ เนื่องจากช่วงไคลแมกซ์ของภาพยนตร์นั้นมีอาการยืดเยื้อและจบไม่ลง
ขณะที่ความลึกลับของเรื่องราวนั้นถูกเฉลยจนหมดเปลือกแล้ว จึงเป็นปัญหาของผมในการตามหาความสยองขวัญต่อเหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้นบนจอเป็นอย่างมากครับภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายก็คือ ศาลล่องหน ซึ่งก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับภาพยนตร์สยองขวัญรวมเรื่องสั้น ที่มักจะหยิบเอาตอนที่มีสีสันมากที่สุดมาฉายเป็นตอนสุดท้าย โดยส่วนตัวแล้วผมชอบไอเดียความสยองขวัญของภาพยนตร์มากๆ นะครับ กับการหยิบเอาตำแหน่งต่างๆ ในศาลตายายมานำเสนอ พร้อมบอกเล่าทั้งแนวคิดและวัฒนธรรมที่ซ่อนอยู่ในศาลแต่ละชนิดได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งว่ากันตามตรงแล้วมันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยครับ นอกจากนี้ภาพยนตร์ยังยอดเยี่ยมในการสร้างเงื่อนไขให้กับตัวละครทุกคน อันว่าด้วยการที่บางตัวละครนั้นสามารถมองเห็นศาลและวิญญาณที่อยู่ในนั้นได้ ขณะที่บางคนนั้นกลับมองไม่เห็นครับ ภาพยนตร์สามารถหยิบเงื่อนไขดังกล่าวมาสร้างเป็นเสียงหัวเราะได้อย่างแม่นยำมากๆ เช่นเดียวกับการสร้างสรรค์สถานการณ์สุดวายป่วงและบ้าบอตลาดแตกของเรื่อง ลำพังเพียงแค่ไอเดียในการทำให้ตัวละครเจอผีในงานปาร์ตี้ฮัลโลวีน ซึ่งทุกคนต้องแต่งตัวเป็นผีกันอย่างเต็มยศอยู่แล้วนั้น มันก็สร้างความบันเทิงจนท้องแข็งได้แล้วครับ โดยเฉพาะซีเควนซ์ที่เหล่าตัวละครต้องเจอกับผีนางรำขณะที่กำลังขึ้นลิฟต์ ก็นับเป็นซีเควนซ์ที่ทั้งโรงภาพยนตร์พร้อมใจกับปรบมืออย่างกึกก้อง โดยเสียงหัวเราะทั้งหมดนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากการแสดงของทั้งจุฑาวุฒิ ภัทรกำพล (มาร์ช) และณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์ (แพรวา) ที่ต่างก็ท็อปฟอร์มในบทบาทของตัวเอง แน่นอนครับว่าหากมองหาความสมเหตุสมผลแล้ว ศาลล่องหน ก็ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่สมบูรณ์แบบครับ แต่อย่างน้อยมันก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไร้ข้อกังขา นั่นคือการมอบความบันเทิงส่งท้ายให้ผู้ชมเดินออกจากโรงภาพยนตร์พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้านั่นเองครับโจทย์ที่ภาพยนตร์ทั้ง 3 เรื่องมีร่วมกันก็คือการเล่าเรื่องด้วยศาสตร์ของภาพยนตร์สั้น และการถ่ายทอดความบันเทิงในขอบเขตเวลาที่จำกัดครับ กล่าวคือภาพยนตร์ไม่มีเวลาสำหรับการแนะนำตัวละครหรือสร้างโลกของตัวเองมากนัก ในทางกลับกันมันถูกบังคับให้โยนตัวละครเข้าสู่สถานการณ์ให้เร็วที่สุด การบริหารทรัพยากรในเวลาที่จำกัดถึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ซึ่งในจุดนี้ทั้ง 3 เรื่องสามารถรับผิดชอบจุดนี้ได้ดี และสามารถหยิบจุดเด่นของตัวเองมานำเสนอได้อย่างชัดเจนครับ ขณะที่ในด้านงานสร้างนั้นก็ได้มาตรฐานและมี
Mood and Tone เป็นของตัวเองในแต่ละตอน โดยเฉพาะกับเรื่อง พี่เทค ที่เลือกถ่ายทอดภาพด้วย Aspect Ratio แบบ 4:3 ซึ่งสามารถมอบความอึดอัดให้กับเรื่องราวได้เป็นอย่างดี ขณะที่งานด้าน CG และเทคนิคพิเศษของตอน ขบวนแห่ นั้นก็ออกมาดูดีทีเดียวครับ นอกจากนี้จังหวะการตัดต่อของตอน ศาลล่องหน มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างจังหวะและเสียงหัวเราะของผู้ชมได้อย่างลื่นไหลต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามหากว่ากันที่ความสยองขวัญเพียงอย่างเดียว โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ได้รู้สึกกลัวกับเรื่องใดเป็นพิเศษนะครับ แต่ส่วนที่น่าชื่นชมคือการเลือกใช้ Jump Scare อย่างมีชั้นเชิงของทั้ง 3 เรื่อง ที่ไม่ใช่การสักแต่สร้างความตกใจให้กับผู้ชม แต่เป็นการหยอกล้อกับความรู้สึกของตัวละคร และมุ่งสร้างความเข้มข้นให้กับสถานการณ์มากกว่าการจะกล่าวว่า เทอม 3 เป็นภาพยนตร์ที่ไร้จุดอ่อนเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่ภาพยนตร์ทำได้ดีคือการมอบความบันเทิงหลากหลายรสชาติตลอดการรับชมครับ ด้วยความเป็นภาพยนตร์สั้นที่มาพร้อมกับต้นขั้วไอเดียที่น่าสนใจ ทำให้ภาพยนตร์มีความวาไรตี้ด้วยการเสิร์ฟความสยองขวัญในแนวทางที่แตกต่างกัน แม้จะยังเห็นแผลอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงแผลถลอกที่ไม่ได้ทำให้เสียบทเพลง สุดท้ายนี้การเรียงลำดับของภาพยนตร์ทั้ง 3 เรื่องสามารถทำได้อย่างถูกต้องเหมาะสม หากแต่โดยส่วนตัวแล้วผมอยากให้ลองจัดวางความรู้สึกของผู้ชมใหม่ดูบ้าง และเชื่อว่าการก้าวสู่โรงภาพยนตร์ด้วยเสียงหัวเราะ ก่อนจะเดินออกมาด้วยความสยองขวัญอันติดตานั้นน่าจะมอบอารมณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้ชมได้เหมือนกันครับ#ประเด็นตกผลึกประเด็นตกผลึกจากภาพยนตร์เรื่อง เทอม 3 ที่ผมจะชวนทุกท่านมาคุยกันในวันนี้ก็คือการเปลี่ยนผ่านทางวัฒนธรรม ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในชั่วข้ามคืนประเด็นที่ผมหยิบยกมาคุยกันในวันนี้มาจากภาพยนตร์เรื่องที่ 2 อย่าง พี่เทค ซึ่งว่าด้วยเรื่องราวของการจับฉลากของรุ่นพี่ปี 2 เพื่อนำชื่อของน้องปี 1 ที่ได้มาเป็นน้องเทค และรับหน้าที่ดูแลน้องใหม่เฟรชชี่ของตัวเองอย่างลับๆ ก่อนจะมาเฉลยตัวตนกันในวันบายศรีสู่ขวัญครับ แม้ว่าจะฟังดูเป็นกิจกรรมที่ไม่มีพิษภัยและละมุนละม่อม แต่ภาพยนตร์ก็เลือกตั้งคำถามต่อกิจกรรมดังกล่าวว่า การดูแลรุ่นน้องของพี่เทค หรือการสานสัมพันธ์กันด้วยการบังคับนั้นควรจะยังมีอยู่หรือไม่ โดยเฉพาะในยุคสมัยที่นักศึกษาต่างก็ตื่นรู้ทางการเมือง และคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนกันมากขึ้นกว่าเดิม ช่วงเวลาที่ภาพยนตร์เลือกถ่ายทอด คือช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านทางวัฒนธรรมครับ จากวัฒนธรรมการรับน้องแบบโซตัสที่รุ่นพี่นั้นมีอำนาจอยู่ในมืออย่างเต็มระบบ จนบางครั้งเกิดการใช้อำนาจอย่างไม่เหมาะสมจนนำมาซึ่งโศกนาฏกรรม สู่วัฒนธรรมการรับน้องแบบพี่เทคน้องเทคที่ปราศจากความรุนแรงแม้จะฟังดูเป็นสังคมในอุดมคติ
แต่การเปลี่ยนแปลงเชิงวัฒนธรรมนั้นไม่เคยดำเนินไปอย่างราบรื่นและสวยหรูครับ การเปลี่ยนมือของผู้มีอำนาจหรือผู้นำทางสังคม ไม่สามารถขยับความคิดของสังคมให้เข้ากับวัฒนธรรมใหม่ได้อย่างปัจจุบันทันด่วน โดยหากมองจากเหตุการณ์ในภาพยนตร์แล้ว แม้ว่าวัฒนธรรมการรับน้องแบบพี่เทคน้องเทคจะลดการปะทะระหว่างคนทั้ง 2 รุ่นลง แต่ก็ยังอยู่ในขอบข่ายของการบังคับเข้าร่วมอยู่ดีครับ โดยเรื่องราวนั้นโคจรอยู่รอบตัวละครอย่างซัน เด็กปีหนึ่งที่อยู่ตรงกลางระหว่างวัฒนธรรมเก่าและวัฒนธรรมใหม่ เนื่องจากเขาเป็นน้องเทคของเอิร์ธ รุ่นพี่ปี 2 ที่ไม่เห็นด้วยกับการบังคับทำกิจกรรมร่วมกันของเพื่อนในรุ่น เพราะเขาเชื่อว่าการสานสัมพันธ์กันระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องนั้นควรเกิดขึ้นด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่เกิดจากการนำกิจกรรมไปครอบไว้เพื่อเป็นกุศโลบายครับ โดยแม้ว่าเอิร์ธจะเป็นภาพสะท้อนของคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดนอกกรอบ, ขบถ และสอดคล้องกับสิทธิมนุษยชนมากกว่า แต่ภาพยนตร์ก็ได้สะท้อนถึงช่องว่างทางความคิด และการปะทะกันของความเชื่อที่แตกต่าง เมื่อทัศนคติของเอิร์ธอยู่ในกรอบของสังคมที่ยังไม่ได้เปลี่ยนผ่านสู่วัฒนธรรมใหม่โดยสมบูรณ์ การแสดงความรู้สึกตัวเองของชเอิร์ธทำให้เขากลายเป็นคนนอกของสังคมที่ตัวเขาดำรงอยู่ ยิ่งเขาถูกผลักให้อยู่ชายขอบมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งนำมาซึ่งการบีบอัดสิทธิและเสรีภาพของเขามากขึ้นเท่านั้นความไม่ลงรอยทางความคิดนำมาซึ่งความขัดแย้ง เมื่อคนรุ่นใหม่ต้องการกำหนดเส้นทางชีวิตด้วยตัวเอง แต่อำนาจทางสังคมนั้นกลับอยู่กับผู้ที่อาวุโสกว่า ประเด็นนี้ถูกถ่ายทอดอย่างชัดเจนผ่านความสยองขวัญของเรื่อง เกิดจากวิญญาณของรุ่นพี่คนหนึ่งที่คลั่งไคล้ลุ่มหลงในวัฒนธรรมแบบโซตัส และเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่าวิธีการของตนเองนั้นถูกต้อง จนลืมไปว่าความถูกต้องเหมาะสมในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ใช่ชุดข้อมูลที่ถูกต้องเสมอในบริบทสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ปัญหาสำคัญจึงเป็นการที่คนรุ่นเก่านำชุดความคิดและวิธีการที่เคยถูกต้องในยุคสมัยของตนเอง มาใช้กับบริบททางสังคมยุคใหม่ที่ชุดความคิดเหล่านั้นไม่ใช่สัจธรรมที่ควรยึดถืออีกต่อไป การเปลี่ยนผ่านทางวัฒนธรรมของภาพยนตร์ยังสะท้อนประชาธิปไตยแบบไทยๆ ซึ่งยังดำรงอยู่ภายใต้กรอบของอำนาจเก่า และยึดโยงอยู่กับการต้องการการยอมรับจากสังคมรอบข้าง ที่เมื่อใครคนใดคนหนึ่งออกเสียงที่แตกต่างจากคนส่วนใหญ่ ต้องยอมแลกมากับสถานะตัวประหลาดของสังคม แต่ในขณะเดียวกันภาพยนตร์ก็ไม่ลืมที่จะบอกผู้ชมว่า ชุดความคิดบางอย่างที่สุดโต่งและก้าวไปข้างหน้าเร็วกว่าการเปลี่ยนผ่านจนเกินไป ก็สามารถกลายเป็นพิษร้ายที่บดบังสิทธิและความต้องการของสังคมได้โดยไม่รู้ตัวเช่นกัน ฝากไว้ให้คิดกันนะครับ
รีวิว Geji The Spirit Hunter (2024) เกจิ คนฆ่าผี
⭐แฟนพันธุ์แท้ : หนังสยองขวัญ
🤩 คะแนน: 6/10 ดาว
‘เกจิ คนฆ่าผี’ หนังสยองไทยเรื่องใหม่ เจาะลึกชีวิต ‘หมอผี’ ชนิดที่ว่าถึงแก่นกันเลยทีเดียว ไม่เน้นแฟนตาซี เน้นความสมจริงล้วนๆ เพราะทุกอย่างที่เห็นในหนังไม่ว่าจะเป็น คาถา หรือพิธีกรรมต่างๆ ล้วนแต่เป็นของจริงทั้งหมด เราจะได้รู้กันสักทีว่า หมอผีเขาเป็นกันยังไง มีวิธีปราบผีแบบไหน มากันหลากรูปแบบผีเลย เฮี้ยนจริงๆ และนอกจากเรื่องผีแล้ว ในหนังยังแฝงเรื่องราวของความรัก และโศกนาฏกรรม เข้ามาด้วย ทั้งหลอน ทั้งดราม่าครบรสในเรื่องเดียว โดยหนังจะเล่าเรื่องราวของ ‘แก้ว’ หมอผีฝึกหัด ที่มีฐานะยากจน ต้องตระเวนไล่ผีไปทุกที่ ประกอบพิธีไสยเวทย์ ทั้งสายขาวและสายดำ ต้องมาจำใจทิ้งคนรักอย่าง ‘สร้อย’ ให้เพื่อนสนิทอย่าง ‘อิน’ ช่วยดูแล เพราะเหตุผลบางอย่าง ส่วนตัวเองก็ระเหเร่ร่อนย้ายไปอยู่กรุงเทพ จนกระทั่งวันหนึ่ง แก้วก็ได้รับข่าวร้ายที่เกิดขึ้นกับอิน และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวสยองทั้งหมดที่กำลังจะตามมา รอดูพร้อมกันได้เลย 29 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น
รีวิว Pee Nak 4 (2024) พี่นาค 4
⭐ ขอบสหนัง
🤩 คะแนน: 68/10 ดาว
มาถึงจุดที่แฟรนไซส์พี่นาค รู้ตัวตนของตัวเองมากยิ่งขึ้น ไม่ดูเยอะจนออกทะเลเกินไปแบบภาค 3 มันยังเป็นธีมหนังสยองขวัญแบบที่ควรจะเป็นในทุกๆภาคที่ผ่านมาและจังหวะนรกที่ขายความตลก 5 บาท 10 บาท ที่คมขึ้นกว่าทุกภาคที่เคยมีมา มีความฉลาดเล่นไม่ใช่จะใส่ก็ใส่มาแบบไม่รู้โทนของหนัง ด้วยความที่มันภาค 4 แล้ว การแซะตัวเองจากภาคก่อนๆ มันเลยเป็นความขำที่อร่อยกำลังดีที่ใครที่ติดตามพี่นาคมาทุกๆภาคจะสนุกไปกับมันได้ไม่ยากเลย ตัวละครเสริมหลายๆตัวในภาคนี้สร้างสีสันดีมาก หนังมีแก่นตัวเองอย่างชัดเจน และเราได้เห็นพัฒนาการของตัวละครบางตัว จากภาคแรกๆขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าหนังมันจะไม่มีข้อเสีย หนังมันก็มีข้อเสีย คือความง่ายดายของหนัง ที่รู้สึกว่ามันง่ายดายเกินไปไหม ง่ายฉิบหาย กับความซ้ำซากของบางตัวละคร ที่ยังวนอยู่กับที่เดิมซ้ำไปซ้ำมา ไม่มีพัฒนาแต่อย่างใด และยังมีบางมุกตลกที่ผมก็ยังไม่เข้าใจมันขำจริงๆแล้วใช่ไหม เยอะอยู่พอควร จนบางทีรู้สึกขัดใจชิบเลย แต่ยังไงทั้งหมด ก็คงต้องบอกว่า หากจะยกภาคที่ผมชอบที่สุด ผมก็คงชอบภาคนี้ที่สุด ( ภาคสามผมค่อนข้างไปในทางไม่ชอบแบบมากๆ ) แต่ภาคนี้ทำให้ผมโอเคและรู้สึกเออสนุก ไปกับมัน มันก็ถือว่าตอบโจทย์การตีตั๋วดูหนังสำหรับผมแล้ว ซึ่งผมไม่ใช่แฟนคลับแฟรนไซส์ชุดนี้ ยังรู้สึกโอเคและสนุกไปกับมันได้ คนที่เป็นแฟนคลับ ก็ควรไปดูและคุณน่าจะสนุกมากกว่าผมแน่นอน
รีวิว Death Whisperer (2023) ธี่หยด
⭐ More Than Review
🤩 คะแนน: 8.5/10 ดาว
มอบประสบการณ์การดูหนังสยองที่มันส์ของจริง ลดความอ้อยอิ่ง ลดความละคร และมุ่งสู่ความสนุกแบบเต็มสูบ สนุก สะใจ พี่ยักษ์โคตรเท่ ทั้งโหด มันส์ ฮา น่ากลัว ลุ้นไม่มีพัก เหมือนเล่นรถไฟเหาะในบ้านผีสิงอย่างที่ว่าจริงๆ ไม่ควรพลาดใน IMAX ด้วยประการทั้งปวง
ธี่หยด 2 10 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ และสัมผัสประสบการณ์หลอนยิ่งกว่าเคยในระบบ IMAX สิ่งที่ชอบ พอเรื่องราวภาคนี้เป็นเรื่องราวที่ไม่ได้อิงตามเรื่องเล่า แต่เป็นการดัดแปลงบางส่วนของนิยาย “ธี่หยด .. สิ้นเสียงครวญคลั่ง” ทำให้ในภาคนี้มันมีความสดใหม่และน่าตื่นเต้นขึ้นกว่าเดิมเยอะมากๆ ครับ หนังมีจังหวะที่ถนัดมื พี่คุ้ย ทวีวัฒน์ มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในเรื่องของบรรยากาศ มุกหลอกผี จนไปถึงมุขตลกที่ โคตรฮา ข้อดีของการเป็นภาคต่อคือหนังไม่ต้องเสียเวลาในการเซตอัพให้ยืดเยื้อ โดยเรื่องราวก็เล่าต่อจากภาค 1 มาประมาณ 3 ปี ที่ตัวของพี่ยักษ์ก็ยังคงตามหาผีชุดดำที่ฆ่า “แย้ม” น้องสาวในภาคแรก ไป การกลับมาของจ่าปพันธ์ในเรื่องนี้ แม้ว่าเหตุผลมันอาจจะฟังดูเหมือนแถ แต่ก็เป็นการกลับมาอย่างคุ้มค่า เราจะได้เห็นโมเม้นต์ระหว่างยักษ์และปพันธ์มากกว่าภาคแรก และเป็นอะไรที่คล้ายกับคู่หูในหนังบล็อกบัสเตอร์สุดๆครับ ส่วนตัวเราชอบพาร์ทในป่ามาก มันให้ฟีลหนังผจญภัย สยองขวัญ ที่บรรยากาศดูน่ากลัว และไว้ใจอะไรไม่ได้ และในหนังยังมีเซอไพรส์อันนึงเลยที่ทำให้เราขนลุกมากๆ ส่วนในช่วงท้ายๆ ที่จะเป็นในฉากในโรงแรมก็จะให้ฟีลเหมือน The Shining ตรงนี้แม้ความสดใหม่มันจะดรอปลงมา แต่เราก็จะได้เห็นซีนสยองขวัญที่เป็น Easter Egg ถึงหนังคลาสสิคหลายๆเรื่อง และทำออกมาได้ดีไม่แพ้กันเลยครับ ในด้านงานโปรดักชั่นมุมภาพในเรื่องถือว่าถ่ายออกได้น่าสนใจ มีมูฟเม้นกล้องที่แอคชั่นกว่าภาคแรก ภาพมุมสูงถ่ายออกมาสวย ชอบเทคนิคควันในเรื่องนี้เป็นพิเศษทำออกมาสวยมากๆ ในด้านเมคอัพผีถือว่าทำออกมาได้น่ากลัวและสยดสยองดี ขนาดว่าภาคนี้ใช้จัมพ์สแกร์น้อยกว่าภาคก่อนแล้ว แต่เวลาผีโผล่มาทีไรก็สะดุ้งทุกทีด้านเสียงในโรง IMAX ถือว่ามิกซ์มาดี เสียงในฉากป่าดงขโมดมิกซ์ออกมารอบทิศทาง ใช้ IMAX 12 channel คุ้ม มิกซ์เสียงไม่หูแตกแบบภาคแรกแล้วสิ่งที่หักคะแนน แม้การที่ตัวหนังมีเซอไพรส์และจุดพลิกผันมากมายจะเป็นเรื่องดี แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางเซอไพรส์ของหนังในบางจุดก็ดูจะออกแนวแถ ไปซะมากกว่าและในส่วนของเทคนิคพิเศษบางช่วงก็ยังมีจุดที่สังเกตได้ ว่าหลุดๆมาบ้างอีกอย่างคือซีนช่วงในป่าที่แอบเสียดายนิดๆ ที่ใช้เทคนิคการย้อมสี ทำให้บางช่วงได้ภาพที่มืดไป จนไม่ได้เห็นดีเทลที่ควรเห็นชัดๆมากที่ควรครับแต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นหนังที่ดูสนุกมากๆ และถึงมันจะมีการแถ แต่มันก็เป็นการแถที่ทำให้เรื่องสนุกขึ้นแบบสุดๆ
รีวิว The Djinn s Curse (2023) ของแขก
⭐Brother อู๊ด
🤩 คะแนน: 6/10 ดาว
เรื่องย่อ ครอบครัวของวินต้องเผชิญกับความลับด้านมืดในโลกของญิน ทาให้การตัดสินใจของวินที่ต้องการย้ายครอบครัวมาทางานที่ใต้ที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อหาทางออกให้กับปัญหาชีวิต กลับเป็นการสร้างปัญหาให้เลวร้ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม วินและครอบครัวจะหาทางออกได้หรือไม่ กับความลับด้านมืดในโลกของญินที่กำลังเกิดขึ้น ไอเดียดี ชื่นชมที่พาคนดู (คนนอกชุมชนมุสลิม) ไปสัมผัสโลกสยองขวัญของความเชื่อชาวมุสลิม ผ่านสายตาคนนอกอย่างครอบครัวตัวละครหลักในเรื่อง ที่ดันไปตกอยู่ท่ามกลางคนเล่นของในชุมชนนั้นได้อย่างน่าสนใจ ความสนุกเรียกได้ว่าเอนจอยเป็นต่อนๆ มาๆหายๆ แม้พาร์ทดราม่าครอบครัวจะดูดรอปลงไปเสียหน่อย แต่ชอบจริงๆ คงเป็นพาร์ทสยองขวัญ ตรงนี้ทำได้สนุกมาก ปราบผีมนต์ดำ-มนต์ขาว ถือเป็นการเปิดโลกความสยองขวัญในหนังไทยที่รสชาติแปลกตาใช่ได้เลยครับ
⭐ ดูหนังเวลางาน
🤩 คะแนน: 5/10 ดาว
ครอบครัวหนึ่งที่ได้อพยพไปอยู่พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะหน้าที่ทางราชการ แต่พวกเขาบังเอิญเข้าไปพัวพันกับพิธีทางไสยศาสตร์ลึกลับ ที่เรียกว่า “ของแขก” โดยไม่ได้ตั้งใจ อาจจะด้วยไสยศาสตร์ของมุสลิม ที่เรายังไม่คุ้นชิน มันเลยดูแปลก ๆ แต่ดูแล้ว ของเขาแรงอยู่นะแต่ดูไปดูมา กลายเป็นหนังครอบครัวเฉยยย เมียน้อย ทำของใส่ครอบครัวฝ่ายชาย ตุ้งแช่ ตลอดทั้งเรื่อง มีหักมุมตอนท้ายด้วย ตอนจบก็คือ ทำของใส่คนอื่น เพราะอิจฉาที่เค้ามาแย่งหน้าที่การงาน? งงไปหมดรวม ๆ ก็ดูได้ แต่ก็ยังแปลกๆ คาดหวังว่าจะหลอนกว่านี้ ของแขกคือยังไง คิดว่าเค้าเล่าเรื่องพวกนี้น้อยไปหน่อย
รวม หนัง ผีไทย
Haunted University 3 (2024) เทอม 3
Geji The Spirit Hunter (2024) เกจิ คนฆ่าผี
Pee Nak 4 (2024) พี่นาค 4
Death Whisperer (2023) ธี่หยด
The Djinn s Curse (2023) ของแขก
6.1